โก๊ะตี๋ เล่าสาเหตุที่ข้าวมันไก่ขายดีจนเจ๊ง ทุกวันนี้ต้องใช้หนี้แทนญาติพี่น้อง

หลังจากที่ โก๊ะตี๋ อารามบอย หรือ เจริญพร อ่อนละม้าย ได้ออกมาโพสต์ข้อความตัดพ้อชีวิต บอกว่าไม่มีแรงจูงใจอะไรที่อยากไปต่อเลยจริงๆ จนหลายคนสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของเจ้าตัวกันแน่

ล่าสุด โก๊ะตี๋ ได้มานั่งเปิดใจเล่าถึงชีวิตของตัวเองในช่วงที่ผ่านมาผ่านทางรายการ แฉ ที่แม้ว่าจะทำงานได้เงินมาเท่าไรก็ไม่เคยได้ใช้อย่างสุขสบาย ต้องเอาไปใช้หนี้ให้กับญาติๆ อีกทั้งยังต้องผ่อนบ้านให้กับญาติพี่น้องอีก 5-6 หลัง แม้ว่าจะเคยเปิดร้านข้าวมันไก่ที่ขายดีมากๆ แต่สุดท้ายกลับเจ๊ง ไม่เป็นท่า

โดย โก๊ะตี๋ เล่าถึงภาระที่ต้องดูแลคนในบ้านว่า เวลาไปถ่ายงานที่สตูดิโอก็จะมีคนมายืนรอเพื่อเอาเงิน แล้วเวลามีโทรศัพท์เข้ามารู้สึกหลอนไปเลย คือต้องมีเรื่องให้ทุกข์ใจ ถ้าไม่ทุกข์ใจก็เสียเงิน เพราะว่าเราต้องดูแลคนเยอะมาก เราต้องดูแลญาติเรา จะไม่ให้ก็ไม่ได้ มันเหมือนโดมิโน ถ้าเราไม่ดูแลคนนี้ เขาก็จะไปหากับแม่เรา แล้วแม่จะมาง๊องแง๊งกับเรา ทำให้เรารู้สึกลำบากใจ

ทุกวันนี้ต้องผ่อนบ้าน 5-6 หลังให้ญาติอยู่กับพี่น้อง และใช้หนี้แทนญาติ หนูออกจากบ้านตั้งแต่อายุ 13 ตอนนั้นก็ไปเล่นลิเกส่งเงินมาให้แม่ซื้อที่ 4 ไร่ ดูแลคนในครอบครัวกับญาติมาตั้งแต่อายุ 13 จนตอนนี้ 43 ก็ยังดูแล มันเหมือนเป็นหน้าที่ของเรา และเราเลือกที่จะทำแบบนั้นเอง

แต่ปีที่ผ่านมา มันหนักมาก เหมือนเราเป็นยอดเขา เวลาทุกคนมีปัญหาก็มาที่เรา เหมือนเราเป็นเจ้าช่วยเนรมิตให้กับทุกคน อย่างพี่ชายคนโตเคยสร้างหนี้ให้ 2 ก้อน คือ 4.5 แสน กับ 6 แสน เราก็ต้องขายรถตู้

คือเราเคยเปิดร้านข้าวมันไก่ให้พี่ชาย แต่สุดท้ายเป็นหนี้ ถามว่าขายข้าวมันไก่ขายดีมั้ย ขายดีมาก ลูกค้าเยอะ แต่พอได้เงินก็ต้องการอยากจะปล่อยเงินกู้ เอาเงินตรงนี้ไปปล่อยเงินกู้ เวลาซื้อน้ำอัดลมก็ไปเซ็นไว้ชื่อโก๊ะตี๋ ซื้อไก่ก็เซ็นไว้ 2 เดือน เซ็นไว้ทุกอย่าง สุดท้ายจะไปเก็บเงินกู้เก็บไม่ได้ ลูกหนี้หายหมด หนี้ 2 ก้อน 4.5 แสน กับ 6 แสนเลยมาตกที่เราทั้งหมด

โก๊ะตี๋ อารามบอย

 

คือร้านข้าวมันไก่ที่ RCA ชายดีมาก ดังมาก แต่ไม่เหลือเงินเลย ซึ่งตอนนั้นสาขาที่ RCA ทำกำไรได้เดือนหนึ่งสูงสุดคือ 8 แสนบาท ที่เงินที่ได้มาให้คนในครอบครัวทั้งหมด ต้องแบ่งเงินเดือนให้เขา ตอนจบกลายเป็นว่าคนในครอบครัวทะเลาะกัน แบ่งพรรคแบ่งพวก ทำมากทำน้อย สุดท้ายก็แยกกัน แล้วเราก็ต้องไปใช้หนี้ให้

งวดสุดท้ายไม่ไหวแล้ว จนต้องไปพูดกับแม่ว่าหนูไม่ไหวแล้ว ก็เลยไปเรียกพี่ชายคนโตมา คุยกันตรงๆ ว่า ชีวิตเราไม่ไหวแล้ว คุณก็ 53 แล้ว เซ็นเช็คเงินสดให้เขา 3 แสน เป็นเงินก้อนสุดท้ายที่จะดูแลเขา แล้วพอจากกันเท่านี้

ผ่านไป 4-5 ปี ทุกวันนี้เขากลับมาที่บ้าน เพราะไปไม่รอด พี่ชายเขาก็กลับมา แต่มารอบนี้เปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม กลายเป็นคนไม่พูด ต้องถามถึงจะตอบ เงียบตลอดถามคำตอบคำ เหมือนเขาเครียด เป็นแบบนี้อยู่ 2 ปีช่วงโควิด จนต้องพาไปหาหมอ กินยา 3-4 เดือนยาหมด ก็กลับไปเป็นเหมือนเดิม พูดไปเหมือนมันเป็นเรื่องตลกนะ แต่มันเครียดมาก

ช่วงปีชง เป็นช่วงที่มีปัญหาเรื่องความรัก และมีปัญหาเยอะมากจนเกือบตาย อย่างเช่น ไปเตะบอลเจอศอกเข้าที่ดั้งจนหักเลือดไหล ไปอัดรายการแต่คนในสตูไม่มีใครกิน ซึ่งเมื่อก่อนเรากินแมลงได้ พอเรากินแมงป่อง เกือบตาย หายใจไม่ออก เจอมาสารพัดทุกอย่างเลยปีที่แล้ว ทำให้รู้สึกว่าเราไม่กล้าใช้ชีวิตแบบเสี่ยงๆ อีกแล้ว ไม่ค่อยกล้าไปไหน

ถามว่ารู้สึกยังไงว่า คนมองว่า โก๊ะตี๋ อยู่ในช่วงขาลง เจ้าตัวบอกว่า มีคนเข้ามาถามเยอะมากในไลฟ์สด คนบอกว่าเราไม่ค่อยมีผลงานเลย แต่จันทร์-ศุกร์เราก็มีงานรายการอาหาร วันเสาร์ก็ซูเปอร์เท็น วันอาทิตย์ ทูเดย์โชว์ ละครก็มี 3 เรื่อง เพิ่งปิดกล้องไป 2 เรื่อง งานไม่มี เราพูดประชดไป

ส่วนเรื่องแต่งงาน ถ้าแต่งเดี๋ยวจะบอก เราไม่อยากพูดบ่อย เดี๋ยวเหมือนเด็กเลี้ยงแกะ ยังคงกับน้องกวางคนเดิม คบกันมา 10 ปีแล้ว เดี๋ยวถ้าจะแต่งจะพูดทีเดียวเลย ไม่เปลี่ยนแปลงอะไรแล้ว คนนี้แน่นอน

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติม คลิ๊กเลย >> ‘เอ๊ะ จิรากร’ ล่าสุดเผยเสียขวัญ นอนไม่ค่อยหลับ หลักถูกชกกลางผับย่านรังสิต